มารู้จักประเทศฝรั่งเศสกันเถอะ ( France Republic)
ก่อนอื่นเรามาศึกษาข้อมูลของประเทศฝรั่งเศสสักเล็กน้อยก่อนนะคะ เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสคือ “กรุงปารีส” มีประชากรประมาณ 67 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก สกุลเงินที่ใช้เป็นเงินยูโร ที่ 1 ยูโร(€, EUR) เท่ากับประมาณ 38 บาท
หากนั่งเครื่องจากเมืองไทยสู่ประเทศฝรั่งเศสใช้เวลาประมาณ
11-12ชั่วโมง ถ้าเทียบเวลากับประเทศไทยจะช้ากว่าประมาณ 5 ชั่วโมงนั่นเอง
ตะลอนที่เที่ยวสุดฮิตในประเทศฝรั่งเศส
วันนี้อยากจะขอรวบรวมที่เที่ยวสุดฮิตที่กินสุดฮอตของประเทศฝรั่งเศสมาให้สาวๆหนุ่มๆดูไว้เป็นแนวทาง ส่วนใครที่จะไปเที่ยวฝรั่งเศสอยู่แล้วขอแนะนำที่เที่ยวสุดฮิตที่กินสุดฮอตตามนี้เลยจ้า
1. หอไอเฟล (Eiffel Tower) (เอฟเฟล ทาวเวอะ)
หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่ไม่มีใครในโลกนี้จะไม่รู้จักของประเทศฝรั่งเศสนั่นก็คือ หอไอเฟลตัวอาคารก่อสร้างโดยโครงเหล็กทั้งหมด มีความสูงประมาณ 300 เมตร (เทียบกับตึกก็ประมาณ 75 ชั้น) ซึ่งหอไอเฟลถูกตั้งตามชื่อสถาปนิกที่ออกแบบ มีชื่อว่า “กุสตาฟ ไอเฟล” หนึ่งในจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่ดีที่สุดคือ ลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot อยู่ใกล้ๆ กับสถานีของ Trocadéro ตรงนี้เป็นมุมถ่ายแล้วจะเห็นหอไอเฟลแบบเต็มจอ ไม่มีสิ่งอื่นมาบังแน่นอนจ้า
เวลาทำการ:
เวลาเปิด: ช่วงวันที่ 15 เดือนมิถุนายน ถึง วันที่ 1 เดือนกันยายน
เปิดเวลา 9.00 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน- เวลาปกติจะเปิดเวลา 9.00 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม
(ยกเว้นช่วงเทศกาลอีสเตอร์และวันหยุดช่วง ฤดูใบไม้ผลิ จะเปิดถึงเที่ยงคืน)
เวลาปิด: เปิดทุกวันตลอดทั้งปี
ค่าใช้จ่าย:
อัตราเข้าชม:
- อายุ 4-11 ปี และผู้พิการ ส่วนขึ้นไปชั้น2 (บันได) ราคา 3 ยูโร,
ชั้น2 (ลิฟท์) ราคา 4 ยูโร, และขึ้นลิฟท์ไปส่วนยอด ราคา 10 ยูโร
- อายุ 12-24 ปี ส่วนขึ้นไปชั้น2 (บันได) ราคา 3.5 ยูโร, ชั้น2 (ลิฟท์) ราคา 7 ยูโร,
และขึ้นลิฟท์ไปส่วนยอด ราคา 13 ยูโร
- อายุ 25 ปีขึ้นไป ส่วนขึ้นไปชั้น2 (บันได) ราคา 5 ยูโร, ชั้น2 (ลิฟท์) ราคา 8.5 ยูโร,
และขึ้นลิฟท์ไปส่วนยอด ราคา 14.5 ยูโร - อายุต่ำกว่า 4 ขวบ เข้าชมฟรี
2. พระราชวังแวงแซนน์ (Château de Vincennes) (ชาโต เดอ แวงแซง)
พระราชวังมีหอคอยแบบปราสาทจากยุคกลาง(Medieval)มีป้อมปราการที่สูงและกว้างขวางที่สุดในยุโรป ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 – 17 หรือ ค.ศ. 1340- 1410 ที่เมือง Vincennes ประเทศฝรั่งเศส ภายในตัวอาคารจะเห็นหน้าต่างลายกุหลาบ (Rose window) มีห้องสมุดหรือห้องทรงงานของกษัตริย์ในแต่ละยุคนั้นๆ ส่วนในป้อมปราการนั้นมีโบสถ์ ซึ่งห้องนี้เป็นห้องเดียวที่ได้รับการตกแต่ง เพราะเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาและมีบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์ที่ถูกฝังที่นี้คือ “โคโลเนล เดลอร์ม”
เวลาทำการ:
เวลาเปิด: สำหรับช่วงวันที่ 23 กันยายน – 20 พฤษภาคม จะเปิดทำการเวลา 10.00 น. – 17.00 น.
และตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม - 22 กันยายน เปิดทำการเวลา 10.00 ถึง 18.00 น.
เวลาปิด: ปิดทำการทุกวันที่ 1 มกราคม , 1 พฤศจิกายน, 11 พฤศจิกายน และ 25 ธันวาคม ของทุกปี
ค่าใช้จ่าย:
อัตราค่าเข้าชม: - พระราชวัง 15 ยูโรต่อคน , สวนแวร์ซายส์ 10 ยูโรต่อคน , ตำหนักตริอานอง 10 ยูโรต่อคน
พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ก่อนที่จะถูกขยายให้เป็นพระราชวังหลวง ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งภายในมีผลงานเกี่ยวกับด้านประติมากรรม เช่น Mona Lisa ผลงานโด่งดังของ Leonardo da Vinci , ประติมากรรม Nike Winged Victory of Samothrace , ประติมากรรมVenus de Milo หรือ ประติมากรรม The Dying Slave.
เวลาทำการ:
เวลาเปิด: วันจันทร์ วันพุธ วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ 9.00-17.45 วันพุธและวันศุกร์ 9.45-21.45
เวลาปิด: หยุดทำการทุกวันอังคาร รวมทั้งวันที่ 1 มกราคม, วันที่ 1 พฤษภาคม และวันคริสต์มาส
ค่าใช้จ่าย:
อัตราเข้าชม: ค่าธรรมเนียมปกติราคา 15-17 ยูโร แต่มีบางวันและเวลาที่สามารถเข้าฟรีได้ เช่น
- ทุกวันศุกร์หลัง 6 โมงเย็น ของการเปิดให้ชมรอบดึก
- วันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคมถึงมีนาคม และวันที่ 14 กรกฎาคม
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมฟรี
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 26 ปีจากประเทศในสหภาพยุโรป เข้าชมฟรี
4. ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) (อาค เดอ ทริออมเฟอะ)
เป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย ฌ็อง ชาลแกร็ง มีอายุกว่า 200 ปีสร้างขึ้นปีพ.ศ. 2349 ประตูชัยฝรั่งเศสจุดเริ่มต้น-สิ้นสุดของถนนถึง 12 เส้นทาง ฌ็อง ชาลแกร็ง ใช้ศิลปะคลาสสิคใหม่ที่ดัดแปลงมาจากสถาปัตยกรรมโรมันโบราณโดยการใช้รูปปั้นแกะสลักจากช่างแกะสลักคนสำคัญแห่งยุค การแกะสลักยุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศส รูปร่างกายกำยำเต็มไปด้วยเครา ใส่ชุดเกราะแสดงถึงความห้าวหาญ น่ายกยงย่องกาลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน รูปแกะสลักลอยตัวที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและถูกตั้งให้เป็นอนุสรณ์ของทหารฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1อีกด้วย
เวลาทำการ:
เวลาเปิด: ช่วงวันที่ 1 เดือนเมษายน ถึงวันที่ 30 เดือนกันยายน เปิดเวลา 10 โมงเช้าจนถึง 5 ทุ่ม
ช่วงวันที่ 1 เดือนตุลาคม ถึงวันที่ 31 เดือนมีนาคม เปิดเวลา 10 โมงเช้าจนถึง 4 ทุ่ม ปิดการให้บริการจำหน่ายตั๋วก่อนปิดทำการครึ่งชั่วโมง
เวลาปิด: ปิดทำการทุกวันที่ 1 เดือนมกราคม,วันที่ 1 พฤษภาคม,วันที่ 8 พฤษภาคม(ช่วงเช้า),วันที่ 14 เดือนกรกฎาคม(ช่วงเช้า) ,วันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน(ช่วงเช้า)และวันที่ 25 เดือนธันวาคม
ค่าใช้จ่าย:
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ - 8 € นักเรียน/ นักศึกษา (อายุ 18 ถึง 25 ปี)
5 € กลู่ม (ผู้ใหญ่อย่างต่ำ 20 ท่าน)
6,20 € ผู้มีอายุต่ำกว่า 17 ปี เข้าชมฟรี
5. ปงต์เนิฟ (Pont Neuf) หรือ สะพานเนิฟ (ปง เนิฟ)
เป็นสะพานเก่าแก่ที่สุดในกรุงปารีส สะพานที่มีความสำคัญต่อชาวฝรั่งเศสเชื่อมต่อเมือง 37 เมืองรวมถึงสองฝากฝั่งแม่น้ำเซนให้เข้าหากัน และถูกยกให้เป็นสะพานที่กว้างที่สุดอีกด้วย สะพานถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีและศิลปะแบบโรมัน ต่อมาได้มีการปรับปรุงตัวสะพานครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1994 และได้เฉลิมฉลองครบรอบ 400 ปีของสะพาน เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของสะพานปงต์เนิฟคือการเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักทั่วโลกด้วยความเชื่อที่ว่าคู่รักใดที่มาสะพานแห่งนี้หากได้อธิฐานเรื่องความรัก พร้อมคล้องกุญแจร่วมกันก่อนที่จะโยนลูกกุญแจทิ้งลงในแม่น้ำเซนความรักของทั้งคู่ก็จะคงอยู่ตลอดกาลไม่มีวันที่จะได้พลัดพลาดจากกัน เป็นการแสดงความรัก คำสัญญาที่มีให้แก่กัน!!
เวลาทำการ:
เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดเวลาทุกวัน
1.
Passage des Panoramas (ปาสซาจ เด พานอครามา)
อยู่ในย่าน Bourse เป็นแหล่งรวมร้านอาหารชั้นนำหลากหลายสัญชาติและสินค้านานาชนิด เช่น ร้านอาหารอิตาเลี่ยน ร้านอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ร้านชา ไวน์องุ่น แสตมป์เก่า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนำแฟชั่น สินค้างานฝีมือ เหรียญสำหรับนักสะสม เหมาะสำหรับสาวๆที่ชอบสไตล์ฝรั่งเศสโบราณ สามารถแต่งตัวเก๋ๆคูลๆไปถ่ายรูปได้เลยจ้า
เวลาเปิด-ปิดทำการ: เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6:00 – 24:00 น.
2. Les Deux Magots (เล
เดอ มาโก)
เป็นคาเฟ่ชื่อดังที่ติดอันดับคาเฟ่ยอดนิยมของเมืองหลวงฝรั่งเศส เปิดขายมานานกว่า 100 ปี ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์ยุโรป ที่นี่คือสวรรค์ของผู้ที่ชอบดื่มกาแฟ ใครอยากลิ้มลองกาแฟสไตล์ชาวฝรั่งเศสเชิญร้านนี้เลย อีกทั้งยังมีอาหารเซ็ตให้ทานอีกมากมายตามสไตล์ฝรั่งเศส พลาดไม่ได้นะขอบอกกก
เวลาเปิด-ปิดทำการ: เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30 น. – 01.00 น.
3. ตลาด
Rue des Martyrs หรือ Market
street (ครูว เด มาเชียส)
เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมที่เอาใจนักชิมและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่บนถนนที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส มีร้านค้าและร้านกาแฟคาเฟ่อยู่มากมาย ถ้าใครได้มาแล้วนั้นรับรองว่าจะถูกใจแน่นอน
เวลาเปิด-ปิดทำการ: Rue des Martyrs เปิดให้บริการทุกวันยกเว้นวันจันทร์
4. Passage du Havre (ปาสซาจ
ดู อาฟ)
ตั้งอยู่ในย่าน Chaussée d’Antin ใจกลางย่านธุรกิจหลักของกรุงปารีส หลังการบูรณะใหม่ทำให้มีความทันมัยมากขึ้น ยังคงบรรยากาศความแบบดั้งเดิมไว้ โดยมีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ได้รู้สึกเหมือนได้ช็อปปิ้งอยู่ภายในบรรยากาศสวน ภายในมีร้านค้าท้องถิ่นคุณภาพและแบรนด์ชั้นนำต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครันใครชอบสถานที่เรียบๆเก๋ๆมาที่นี่เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
เวลาเปิด-ปิดทำการ: เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9:30 – 20:30 น.
วันปิดทำการ: ทุกๆวันที่ 1 มกราคม และ 1 พฤษภาคม
5. Cour du Bel Air (
ครูว ดู แบล แอ)
ตั้งอยู่ในย่าน Quinze-Vingts เป็นย่านที่มีเสน่ห์มากที่สุดบนถนน Faubourg Saint-Antoineแหล่งช็อปปิ้งแห่งนี้ให้บรรยากาศแบบชนบทของฝรั่งเศส ระหว่างทางเข้าจะมองเห็นบ้านของคนท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นและปลูกต้นไม้เรียงรายไปตลอด โดดเด่นด้วยตัวอาคารหลัก รอบๆจะมีพันธุ์ไม้เถาวัลย์ครอบคลุม ส่งผลให้สถานที่ดูงดงามแปลกตา สาวๆคนไหนชอบสไตล์ธรรมชาติลองมาแวะมาที่นี่ เหมาะแก่การถ่ายรูปชิคๆเก๋ๆมากเลยจ้า
เวลาเปิด-ปิดทำการ: เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9:30 – 18:30 น.
หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยเพื่อนๆในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศสได้นะคะ
Bon voyage!
สุดท้ายนี้อยากจะขอเสนอคำศัพท์เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการอวยพรการเดินทาง
เป็นภาษาฝรั่งเศสให้เพื่อนๆได้นำไปใช้กันจ้า
1. Bon vol ! (บอน - โวล) = เดินทางโดยสวัสดิภาพ (ทางเครื่องบิน)
2. Bonne route ! (บอนนเนอะ - ครูซ) = เดินทางโดยสวัสดิภาพ (ทางรถยนต์), ขับรถดีๆ
3. Bon séjour ! (บอน - เซชูร์) = ขอให้พักผ่อนอย่างมีความสุข
4. Bon retour ! (บอน- เครอตัว)= เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก
-https://vissara.com