1.
ญี่ปุ่น - ฮอกไกโดและออนเซ็นท่ามกลางหิมะ
ฮอกไกโดเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในฤดูหนาวของญี่ปุ่น
ด้วยภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาหิมะ
เมืองซัปโปโรในฮอกไกโดมีเทศกาลหิมะอันโด่งดังที่จัดขึ้นทุกปี
ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีรีสอร์ตสกีมากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด
อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมคือการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางหิมะ
ซึ่งช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
เวลาเปิด-ปิด
:
รีสอร์ตสกีส่วนใหญ่มักเปิดตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนเมษายน แต่ละรีสอร์ตมีเวลาเปิด-ปิดแตกต่างกัน
แต่โดยทั่วไปจะเปิดตั้งแต่เช้าประมาณ 8:00 - 16:00 น.
ค่าเข้า
:
ค่าบัตรเล่นสกีรายวันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,000 - 6,000 เยน (ประมาณ 1,200 - 1,800
บาท) ขึ้นอยู่กับรีสอร์ต
ออนเซ็น : ค่าเข้าออนเซ็นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 - 1,500 เยน (150 - 450 บาท) ต่อคน ขึ้นอยู่กับสถานที่
2.
สวิตเซอร์แลนด์ - เทือกเขาแอลป์และเมืองซูร์แมตต์
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านภูเขาหิมะและรีสอร์ตสกีระดับโลก
เมืองซูร์แมตต์ (Zermatt) เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของผู้ที่รักการเล่นสกี
ที่นี่มีเทือกเขาแอลป์ซึ่งเป็นแหล่งเล่นสกีที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
นอกจากการเล่นสกี คุณยังสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวภูเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn)
ซึ่งเป็นภูเขาที่มีรูปร่างโดดเด่นและมีชื่อเสียงระดับโลก
เวลาเปิด-ปิด
:
ฤดูกาลสกีมักเริ่มในเดือนธันวาคมและยาวไปจนถึงเมษายน เวลาเปิดให้บริการขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
แต่รีสอร์ตจะเปิดให้เล่นสกีประมาณ 9:00 - 16:00 น.
ค่าเข้า : ค่าบัตรสกีในซูร์แมตต์ราคาเฉลี่ย 75 - 100 ฟรังก์สวิส (ประมาณ 2,500 - 3,500 บาท) ต่อวัน
กระเช้าชมวิว : ค่าตั๋วนั่งกระเช้าขึ้นชมภูเขาแมทเทอร์ฮอร์นเริ่มต้นที่ 45 ฟรังก์สวิส (ประมาณ 1,600 บาท) ต่อคน
3.
ไอซ์แลนด์ - ชมแสงเหนือและธารน้ำแข็ง
ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนที่ต้องการชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หายากอย่างแสงเหนือ
(Aurora Borealis) ที่ปรากฏบนท้องฟ้าในช่วงฤดูหนาว
นอกจากนี้ยังมีธารน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งที่งดงามอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
คุณสามารถแช่ตัวในบลูลากูน (Blue Lagoon) ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติท่ามกลางอากาศเย็นเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แสนประทับใจ
เวลาเปิด-ปิด : การดูแสงเหนือไม่มีเวลาเปิด-ปิดชัดเจน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและช่วงเวลาในตอนกลางคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิท
(โดยทั่วไปตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเมษายน)
ค่าเข้า : กิจกรรมดูแสงเหนือสามารถทำได้ฟรี แต่ถ้าไปกับทัวร์
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 - 15,000 โครน่าไอซ์แลนด์ (ประมาณ 2,500 - 4,000 บาท)
ต่อคน
บลูลากูน : ค่าเข้าบลูลากูนเริ่มต้นที่ 8,500 โครน่า (ประมาณ 2,300 บาท) ต่อคน ซึ่งรวมการใช้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน
4.
ฟินแลนด์ - บ้านซานตาคลอสและแสงเหนือ
ฟินแลนด์เป็นที่ตั้งของเมืองโรวาเนียมิ
(Rovaniemi) ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นบ้านของซานตาคลอส
ทำให้เมืองนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่รักเทศกาลคริสต์มาส
คุณสามารถพบซานตาคลอสตัวจริงได้ที่หมู่บ้านซานตาคลอส นอกจากนั้น
ฟินแลนด์ยังมีชื่อเสียงในเรื่องการชมแสงเหนือ รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ เช่น
การนั่งเลื่อนสุนัขฮัสกี้ หรือการขับรถสโนว์โมบิลผ่านป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะ
เวลาเปิด-ปิด : หมู่บ้านซานตาคลอสในเมืองโรวาเนียมิเปิดทุกวันตั้งแต่
10:00 - 17:00 น. ในช่วงฤดูหนาว
ค่าเข้า : เข้าชมหมู่บ้านซานตาคลอสฟรี แต่การเข้าพบและถ่ายรูปกับซานตาคลอสมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
(ค่าถ่ายรูปประมาณ 40 ยูโร หรือประมาณ 1,500 บาท)
ทัวร์แสงเหนือ : ทัวร์ดูแสงเหนือมีค่าใช้จ่ายประมาณ 50 - 100 ยูโร (1,800 - 3,600 บาท) ต่อคน
5.
แคนาดา - ธรรมชาติที่สวยงามและกิจกรรมฤดูหนาว
แคนาดาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีธรรมชาติที่งดงามในฤดูหนาว
หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมคือเมืองบันฟ์ (Banff) ในอุทยานแห่งชาติบันฟ์
ที่นี่มีรีสอร์ตสกีและเส้นทางเดินป่าท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมภูเขา
นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการแช่น้ำพุร้อนในรีสอร์ตกลางหุบเขาและชมวิวธรรมชาติอันงดงามที่อยู่รอบ
ๆ
เวลาเปิด-ปิด
:
อุทยานแห่งชาติบันฟ์เปิดตลอดปี แต่รีสอร์ตสกีในบันฟ์เปิดให้บริการตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม
ค่าเข้า
:
ค่าบัตรเข้าสวนสาธารณะบันฟ์อยู่ที่ 10.50 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 300 บาท) ต่อวัน และค่าบัตรสกีรายวันอยู่ที่ประมาณ
100 - 150 ดอลลาร์แคนาดา (2,700 - 4,000 บาท)
น้ำพุร้อนบันฟ์ : ค่าบริการประมาณ 8 ดอลลาร์แคนาดา (200 บาท) ต่อคน
6.
นอร์เวย์ - ทรอมโซและแสงเหนือ
ทรอมโซ
(Tromsø) ในประเทศนอร์เวย์เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของผู้ที่ต้องการชมแสงเหนือ
เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่แสงเหนือปรากฏบ่อยที่สุดในโลก
นอกจากการชมแสงเหนือแล้ว ทรอมโซยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การเดินป่าฤดูหนาว
การนั่งเลื่อนหิมะ และการเยี่ยมชมฟยอร์ดที่สวยงาม
เวลาเปิด-ปิด : ทัวร์แสงเหนือในทรอมโซจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม
โดยส่วนใหญ่จะเริ่มทัวร์หลังจากพระอาทิตย์ตก (18:00 น. เป็นต้นไป)
ค่าเข้า : การชมแสงเหนือสามารถทำได้ฟรี แต่ทัวร์ชมแสงเหนือมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 800 - 1,500 โครนนอร์เวย์ (ประมาณ 2,800 - 5,500 บาท)
กิจกรรมอื่น ๆ : การนั่งเลื่อนสุนัขฮัสกี้หรือขับสโนว์โมบิลมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,500 - 2,500 โครน (ประมาณ 5,500 - 9,000 บาท)
7.
เกาหลีใต้ - สกีรีสอร์ตและเทศกาลฤดูหนาว
เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจในช่วงฤดูหนาว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี เมืองพย็องชัง (Pyeongchang)
ซึ่งเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวในปี
2018 มีรีสอร์ตสกีขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้
ในกรุงโซลจะมีเทศกาลไฟประดับและตลาดคริสต์มาสตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ
รวมถึงมีการแสดงทางวัฒนธรรมต่าง ๆ
ในช่วงฤดูหนาวที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและสวยงาม
เวลาเปิด-ปิด : รีสอร์ตสกีในเกาหลีใต้มักเปิดตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
โดยเวลาเปิดทำการโดยทั่วไปคือ 9:00 - 17:00 น. สำหรับเล่นสกีช่วงกลางวัน และ 18:00
- 22:00 น. สำหรับสกีช่วงกลางคืน
ค่าเข้า : ค่าเล่นสกีในพย็องชังเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 -
90,000 วอน (ประมาณ 2,000 - 2,700 บาท) ต่อวัน
เทศกาลฤดูหนาว : เทศกาลน้ำแข็งและหิมะในเกาหลีเข้าฟรี แต่กิจกรรมบางประเภท เช่น การตกปลาน้ำแข็งหรือการเล่นสกีจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและสัมผัสกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นการชมแสงเหนือ การเล่นสกี หรือเพียงแค่พักผ่อนท่ามกลางหิมะ การเดินทางไปยังสถานที่ที่กล่าวถึงนี้จะทำให้คุณได้ประสบการณ์ ที่แสนประทับใจ และน่าจดจำอย่างแน่นอน หากคุณวางแผนจะเดินทางไปยังสถานที่ใด ควรตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดการเปิด-ปิด และค่าใช้จ่ายอีกครั้ง เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสถานการณ์ต่าง ๆ